top of page

Music

Music

ภูมิลักษณ์ของประเทศไทย 

ภูมิลักษณ์เป็นลักษณะเฉพาะของพื้นที่ที่ปรากฏให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงบนผิวโลกตลอดจนความสัมพันธ์ของ โครงสร้างทางธรณีวิทยาในแต่ละพื้นที่หรือแต่ละภูมิภาค ปัจจุบันประเทศไทยได้แบ่งพื้นที่ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ออกเป็น 6 ภาคประกอบด้วย

 

1) ภาคกลาง 

 

2) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 

 

3) ภาคตะวันตก 

 

4) ภาคเหนือ 

 

5) ภาคตะวันออก 

 

6) ภาคใต้ 

 

โดยในแต่ละภาคมีภูมิลักษณ์และโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่มีลักษณะเฉพาะ 

 

 

 

ที่ตั้ง

 

1) ทิศเหนือ ติดต่อกับ ประเทศพม่า และลาว จุดเหนือสุด คือ อำเภอแม่สาย

จังหวัดเชียงราย 

 

2) ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ประเทศลาวและกัมพูชา จุดตะวันออกสุด คือ อำเภอโขงเจียม

จังหวัดอุบลราชธานี 

 

3) ทิศใต้ ติดต่อกับ ประเทศมาเลเซีย จุดใต้สุด คือ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา 

 

4) ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ประเทศพม่า จุดตะวันตกสุด คือตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง

จังหวัดแม่ฮ่องสอน 

 

 

แนวพรมแดนระหว่างประเทศ


1.แนวพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับสหภาพพม่า เริ่มจากจุดร่วมพรมแดน 3 ประเทศ คือ ไทย พม่า ลาว บริเวณตรงจุดบรรจบกันระหว่างแม่น้ำรวกกับแม่น้ำโขงที่ ต.สบรวก อ. แม่สาย จ.เชียงราย ที่เรียกว่า 

"ย่านสามเหลี่ยมทองคำ" 

จังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อพม่านับจากเหนือลงใต้ มี 10 จังหวัด ได้แก่ 

เชียงราย 

เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และ ระนอง 

ความยาวของพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศพม่ายาวทั้งสิ้น 2,202 กิโลเมตร เป็นพรมแดนที่เป็นสันปันน้ำประมาณ 1,664 กิโลเมตร เป็นร่องน้ำลึกของแม่น้ำรวก แม่น้ำสาย แม่น้ำสาละวิน แม่น้ำเมย และแม่น้ำกระบุรี ยาวประมาณ 538 กิโลเมตร 

 

2.แนวพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศลาว 

เริ่มจาก ต.สบรวก ไปตามร่องน้ำลึกของแม่น้ำโขง จนถึงจมูกของสันเขาดอย

 

แปรเมืองของเทือกภูเขาหลวงพระบาง มีระยะทางประมาณ 95 กิโลเมตร พรมแดนทอดไปตามสันปันน้ำในเทือกภูเขาหลวงพระบางจนถึงยอดเขาเต็งวา ในส่วนนี้มีระยะทาง ประมาณ 460 กิโลเมตร จากยอดเขาเต็งวาพรมแดนจะทอดไปตามร่องน้ำลึกของแม่น้ำเหือง และเม่น้ำเหืองจนบรรจบกับแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงคาน จ.เลย ความยาวของพรมแดนช่วงนี้ ยาวประมาณ 140กิโลเมตร จากจุดบรรจบกันของแม่น้ำโขง พรมแดนจะทอดตามร่องน้ำลึกของแม่น้ำโขงจนถึงปากน้ำห้วยดอน ใน อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี รวมความยาว พรมแดนช่วงนี้ยาวประมาณ 865 กิโลเมตร จากปากน้ำห้วยดอนพรมแดนจะยึดร่องน้ำห้วยดอนจนถึงสันเขาภูบรรทัด จากนั้นก็ทอดไปตามสันน้ำใน เทือกภูแดนเมือง จนถึงช่องบก (Cole de Preach Chambot) อันเป็นจุดร่วมพรมแดน 2 ประเทศ คือ ไทย ลาว และกัมพูชา ระยะทางของพรมแดน ช่วงนี้ยาวประมาณ 190 กิโลเมตร จังหวัดที่มี อาณาเขตติดต่อกับลาวนับจากเหนือลงมา มี 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เลย หนองคาย นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และ อุบลราชธานี พรมแดนระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 1,750กิโลเมตร แบ่งเป็นสันปันน้ำ 650 กิโลเมตร และเป็นร่องน้ำลึก 1,100 กิโลเมตร 

 

3.พรมแดนระหว่างประเทศไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา 

เริ่มจากช่องบกไปจนถึง จ.ตราด เป็นพรมแดนผสม เนื่องจากบางตอนเป็นพรมแดนธรรมชาติ ได้แก่ แนวเทือกเขาและลำห้วย และบางแห่งเป็นที่ราบ จังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อกับกัมพูชา มี 7 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และ ตราด 


4.พรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย พรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย เริ่มตั้งแต่ชายฝั่งทะเลด้าน

 

ตะวันตก บริเวณปากน้ำปะลิส ทอดไปตาม สันปันน้ำเทือกภูเขาสันกาลาคีรี จนถึงต้นน้ำของแม่น้ำโก-ลก จากนั้นก็ใช้ร่องน้ำลึกของแม่น้ำโก-ลก จนถึงทะเลด้านตะวันออก บริเวณ ต.ปากน้ำตาบา 

จังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อกับมาเลเซีย มี 4 จังหวัด ได้แก่ สตูล สงขลา ยะลา และ นราธิวาส พรมแดนระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซียมีความยาวประมาณ 576 กิโลเมตร เป็นพรมพรมแดนที่อาศัยสันปันน้ำของเทือกภูเขาสันกาลาคีรีประมาณ 481 กิโลเมตร และอาศัยร่องน้ำลึกของแม่น้ำ โก-ลกอีกประมาณ 95 กิโลเมตร 

 

 

 

ลักษณะภูมิประเทศของประเทศไทย 


ลักษณะภูมิประเทศที่สำคัญ ได้แก่ 

 

1) ที่ราบ (plains) หมายถึง ภูมิประเทศที่เป็นที่แบนราบ ซึ่งอาจจะราบเรียบหรือมีลักษณะ

สูงต่ำเล็กน้อย โดยปกติความสูง ของพื้นที่จะแตกต่างกันไม่เกิน 150 เมตร เช่น ที่ราบ

ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาในภาคกลางที่ราบโคราชในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น

 

ที่ราบแบ่งออกได้เป็น 4 ชนิด ได้แก่ 

 

1.1) ที่ราบแบน (Flat Plains) คือ ที่ราบที่มีความสูงต่ำต่างกัน ไม่เกิน 15 เมตร

1.2) ที่ราบลูกฟูก (Undulating Plains) คือ ที่ราบที่มีความสูงต่ำต่างกันตั้งแต่

       15-45 เมตร 

1.3) ที่ราบลูกระนาด (Rolling Plains) คือ ที่ราบที่มีความสูงต่ำต่างกัน ไม่เกิน 

        45-90 เมตร 

1.4) ที่ราบขรุขระ (Rough Dissected Plains) คือ ที่ราบที่มีความสูงต่ำต่างกัน 

       90-150 เมตร 

 

2) ที่ราบสูง (plateaus) หมายถึง ภูมิประเทศที่อยู่สูงจากระดับผิวรอบตั้งแต่ 300 เมตร

ขึ้นไปโดยปกติที่ราบสูงมักมีขอบสูงชันอย่างน้อย 2 ด้าน ขอบสูงชันของ ที่ราบสูงเรียกว่า

ผาชันหรือ ผาตั้ง (Escarpment) ในประเทศไทยไม่ปรากฎลักษณะภูมิประเทศแบบที่

ราบสูงเลยแม้แต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในบางครั้งเรียกว่า ที่ราบสูงโคราช แต่มีความสูง

น้อยกว่า 300 เมตรคือ ประมาณ 150-180 เมตรเท่านั้น จึงไม่จัดเป็นที่ราบสูงตามเกณฑ์นี้

 

ที่ราบสูงแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ 

 

1.1) ที่ราบสูงเชิงเขา (Piedmont plateous) เป็นที่ราบสูงอยู่ระหว่างภูเขากับทะเล 

1.2) ที่ราบสูงระหว่างภูเขา (Intermontane Plateaus) เป็นที่ราบสูงอยู่ระหว่างภูเขา หรือที่ราบสูงที่มีภูเขาขนาบไว้สองด่านหรือสามด้าน 

1.3) ที่ราบสูงในทวีป (Continental Plateaus) เป็นที่ราบสูงที่มีที่ราบ หรือทะเลล้อมรอบ เราเรียกที่ราบชนิดนี้ได้อีกอย่างหนึ่งว่าที่ราบสูงรูปโต๊ะ (Tablelands) 

                        

3) เนินเขา (Hills) หมายถึง พื้นที่ที่มีระดับสูงขึ้น จากบริเวณรอบๆ แต่ไม่สูงมากเท่า

ภูเขามีความแตกต่างของระดับพื้นที่ประมาณ 150-600 เมตร เช่น เขาวัง

ที่จังหวัดเพชรบุรีเขาวงพระจันทร์ และเขาพระงาม จังหวัดลพบุรี เป็นต้น

 

เนินเขาแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ 2 ประเภท คือ 

 

3.1) เนินเขาที่เกิดจากการสร้างของภูมิประเทศ (Structural Hills) เป็นเนินเขา

ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา ทำให้ดินมีความสูงขึ้นมีสภาพเป็นเนินเขา

3.2) เนินเขาที่เกิดจากการกัดกร่อนพังทลาย (Erosional Hills) เป็นพื้นที่ที่สูงมาแต่

เดิมแล้วถูกกัดกร่อนผุพังจนความสูงลดลงเหลือเท่าระดับเนินเขา 

 

                        

 

4) ภูเขา (Mountains) หมายถึง ภูมิประเทศที่มีความสูงจากพื้นบริเวณรอบๆคล้ายเนินเขาแต่

มีความแตกต่างของระดับพื้นที่ ตั้งแต่ 600 เมตรขึ้นไป เช่น ภูเขาผีปันน้ำ ภูเขาถนนธงชัย เป็นต้น 

 

 

ภูเขาแบ่งตามลักษณะการเกิดได้ 5 ชนิด คือ

 

4.1) ภูเขาโก่งตัว (Folded Mountains) เป็นภูเขาที่เกิดจากการดันตัวของหินหนืด (Magma) 

ภายในโลกทำให้เปลือกโลกโก่งตัวขึ้นกลายเป็นภูเขา 

4.2) ภูเขาเลื่อนตัว (Fault หรือ Block Mountains) เป็นภูเขาที่เกิดจากการยุบตัวของ เปลือกโลก

หรือเกิดจากการหักตัวแล้วต่อเหลื่อม ทำให้เอียงด้านใดด้านหนึ่ง ขึ้นเป็นภูเขา 

4.3) ภูเขารูปโดม (Domed Mountains) เป็นภูเขาที่เกิดจากการดันตัวขึ้นมาของหินหนืดแต่ยังไม่ทันพ้นผิวโลกก็เย็นตัวเสียก่อน 

4.4) ภูเขาไฟ (Volcanic Mountains) เป็นภูเขาที่เกิดจากหินหนืดดันตัวขึ้นมาพ้นผิวโลกกลายเป็นลาวา (Lava) แข็งตัวและทับถมกันสูงขึ้นจนกลายเป็นภูเขา มักมีลักษณะคล้ายรูปกรวย 

4.5) ภูเขาแบบผสม (Complex Mountains) เป็นภูเขาที่มีลักษณะภูเขาทั้ง 4 แบบข้างต้นรวมกัน 

 

                      

 

ภูมิลักษณ์ภาคเหนือ

                           


ภูมิประเทศภาคเหนือพิจารณาเป็นเขตภูมิลักษณ์   ได้ดังนี้


1.1  เขตเทือกเขาและหุบเขาตะวันตก   ได้แก่  พื้นที่เทือกเขาและหุบเขาด้าน

ตะวันตกของภูมิภาค ครอบคลุมบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน และบ่างส่วนของ

จังหวัดเชียงใหม่  ประกอบด้วยเทือกเขาถนนธงชัย  ซึ่งแทรกสลับด้วยหุบเขาและ

แอ่งที่ราบระหว่างภูเขา  ที่สำคัญได้แก่  แอ่งแม่แจ่ม  แอ่งปาย  แอ่งแม่ฮ่องสอน  

และแอ่งแม่สะเรียงเขตภูมิลักษณ์นี้มีโครงสร้างธรณีของหินแกรนิตเป็นหินฐาน  ซึ่งถูกปิดทับด้านบนด้วยหินตะกอน  และหินแปรต่างๆเช่น หินทราย  หินปูนเนื้อต่างๆ หินกรวดมน  หินดินดาน  หินเชิร์ต  นอกจากนี้ยังมีหินแปรชนิดหินไนส์และหินชีสต์ปิดประกบ แทรกสลับอยู่เป็นตอนๆ ขณะที่ตามหุบเขาและแอ่งที่ราบระหว่างภูเขาสะสมด้วยตะกอนน้ำพายุควอเทอร์นารีที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง   เหมาะสำหรับการทำเกษตรกรรมในแอ่งที่ราบ  ดังนั้นจึงพบแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ในแอ่งที่ราบต่างๆ  เช่น  แอ่งแม่ฮ่องสอน แอ่งแม่สะเรียง  เป็นต้น


 1.2  เขตเทือกเขา – สลับแอ่งตอนกลาง   ได้แก่พื้นที่เทือกเขาและแอ่งที่ราบระหว่างภูเขาตอนกลางของภูมิภาคครอบคลุมพื้นที่ บางส่วนของจังหวัดเชียงราย พะเยา เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง  เขตนี้ประกอบด้วยเทือกเขาที่สำคัญคือ เทือกเขาแดนลาวทางตอนเหนือ  และเทือกเขาผีปันน้ำ เขตนี้มีโครงสร้างธนณีที่ซับซ้อน  มีหินแกรนิตเป็นฐานแกน  ปิดทับด้วยหินตะกอนและหินแปรชนิดต่างๆ  เช่น  หินทราย  หินดินดาน  หินปูน  หินฟิลไลต์  หินชีสต์  เป็นต้น  บางส่วนมีการแทรกซ้อนขึ้นมาของหินอัคนีภายนอก ชนิดหินบะซอลต์  หินไรโอไลต์ และหินแอนดีไซต์  เช่น  ในเขตจังหวัดลำปาง  มีปรากฏซากภูเขาไฟหินบะซอลต์อยู่หลายแห่ง เป็นต้น เขตนี้ยังมีหุบเขาแทรกสลับอยู่ระหว่างสันเขาและมีแอ่งที่ราบระหว่างภูเขาซึ่งเป็นศูนย์รวมของสายน้ำและตะกอนวัตถุต้นกำเนิดที่ผุพังจากหินและแร่ในภูเขา  ซึ่งถูกพาเคลื่อนย้ายมากับสายน้ำ  ทำให้ดินในแอ่งที่ราบมีความสมบูรณ์ จึงเป็นเขตเกษตรกรรมที่สมบูรณ์ โดยเฉพาะการปลูกผลไม้และพืชผัก


1.3  เขตเทือกเขา – สลับแอ่งตะวันออก     ได้แก่  พื้นที่เทือกเขา  ทิวเขา  หุบเขา และแอ่งที่ราบระหว่างภูเขาด้านตะวันออกครอบคลุมเนื้อที่ทั้งหมดของจังหวัดแพร่  น่าน  อุตรดิตถ์  และเนื้อที่บางส่วนของจังหวัดพะเยาและเชียงรายประกอบด้วยภูมิประเทศหลัก คือ  เทือกเขาหลวงพระบางและแอ่งที่ราบระหว่างภูเขา

 

 

 

 

ภูมิลักษณ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

                          


2.1 เขตแนวภูเขาขอบภูมิภาค   เป็นเขตภูเขาขอบที่ราบสูงโคราช  

ทั้งด้านตะวันตกและด้านใต้  โดยขอบด้านตะวันตก เป็นส่วนหนึ่งของ

เทือกเขาเพชรบูรณ์และทิวเขาพังเหย  ส่วนขอบด้านใต้เป็นส่วนหนึ่ง

ของเทือกเขาสันกำแพงและเทือกเขาพนมดงรักแนวภูเขาเขตนี้ทำหน้า

ที่เป็นพรมแดนธรรมชาติ  แยกที่ราบสูงโคราชออกจากที่ราบภาคกลาง

และที่ราบต่ำกัมพูชา  ภูเขาส่วนใหญ่เป็นภูเขารูปอีโต้


2.2 เขตแนวภูเขาตอนกลางของภูมิภาค  เขตแนวภูเขาตอนกลางของภูมิภาค ได้แก่ เขตเทือกเขาภูพาน ที่วางตัวในแนวตะวันออกเฉียงใต้ –ตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งอยู่เกือบตรงกลางของภูมิภาคค่อนขึ้นมาทางเหนือ ทำหน้าที่แบ่งแผ่นดินอีสานออกเป็นแอ่งโคราชและแอ่งสกลนคร โดยแอ่งโคราชมีขนาดเนื้อที่มากกว่าแอ่งสกลนคร ประมาณ 3 เท่าแต่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางน้อยกว่า นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นแนวปะทะเมฆฝนตามธรรมชาติจากพายุดีเปรสชันทำให้พื้นที่หน้าภูเขาในจังหวัดบริเวณแม่น้ำโขงมีปริมาณฝนมาก


2.3 เขตที่สูงเขาโดดที่สูงเขาโดด เป็นภูมิประเทศที่ประกอบด้วยลักษณะภูมิประเทศที่สูงกับลักษณะภูมิประเทศภูเขาโดดๆจึงหมายถึง ลักษณะภูมิประเทศที่มีระดับสูงมากกว่าบริเวณใกล้เคียงและมีภูเขาโดดแทรกสลับอยู่ด้วย


2.4 เขตโคกโนน     โคกและโนน เป็นลักษณะภูมิประเทศที่เป็นที่ดอนเหมือนกัน และเป็นลักษณะภูมิประเทศที่ปรากฏอยู่อย่างกว้างขวางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ถ้าพิจารณาจากชื่อของหมู่บ้าน ตำบล หรืออำเภอแล้วมักขึ้นต้นด้วยคำว่า  โคกหรือ โนน  เช่น  อำเภอโนนสูง  อำเภอโคกศรีสุพรรณ  อำเภอโนนไทย   เป็นต้น   เรียกว่า    ภูมิ

 

 

 

 

 

ภูมิลักษณ์ภาคกลาง

 

                           

 

ภูมิประเทศภาคกลาง พิจารณาเป็นเขตภูมิลักษณ์ได้ ดังนี้

 

 3.1 เขตภูเขาด้านตะวันออก  ครอบคลุมเทือกเขาเพชรบูรณ์ตะวันตก

ทั้งหมดและพื้นที่บางส่วนของเทือกเขาเพชรบูรณ์ตะวันออกและเทือก

เขาดงพญาเย็น(เดิม) อยู่ในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ พิษณุโลก ลพบุรี

และสระบุรีเขตเทือกเขาดังกล่าวมีความสำคัญตรงที่เป็นที่สูงตอนกลางของประเทศ

 

3.2 เขตภูเขาด้านตะวันตก     เขตภูเขาด้านตะวันตก  ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนในเขตจังหวัดกำแพงเพชร  จังหวัดนครสวรรค์   จังหวัดอุทัยธานี  และจังหวัดสุพรรณบุรี  เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัยตอนล่าง เขตนี้เป็นพื้นที่ต้นน้ำแควสาขาของแม่น้ำปิงแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำท่าจีน ที่สำคัญ เช่น คลองวังม้า ห้วยขาแข้ง  ห้วยทับเสลา แม่น้ำสะแกกรัง เป็นต้น เป็นที่พื้นป่าไม้ผืนใหญ่ ของประเทศที่ต่อเนื่องกับภาคตะวันตก เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง อุทยานแห่งชาติคลองลาน อุทยานแห่งชาติพุเตย เป็นต้น

 

3.3 เขตที่ดอนเขาโดดตอนกลาง     ได้แก่ ที่ดอนเขาโดดพยุหะคีรี – ตาคลี – นครสวรรค์ ที่วางตัวตัดผ่านตามขวาที่ราบภาคกลาง ทำให้แบ่งที่ราบภาคกลางออกเป็น ที่ราบภาคกลางตอนบนกับที่ราบภาคกลางตอนล่าง โดยมีลักษณะเป็นภูเขาเล็กๆ หรือกลุ่มภูเขาเล็กๆ มีระดับความสูงไม่มาก เนื่องมาจากเป็นภูเขาของหินในยุคเก่าประเภทหินแปรและหินอัคนีภายนอกที่แทรกซอนขึ้นมาบางครั้งมีหินทราย และหินปูน ที่สำคัญได้แก่ เขาวง เขาคอก ในเขตอำเภอหนองม่วงจังหวัดลพบุรี เขาอิหลัก เขาชายธง เขาชอนเดื่อเขาสนามชัย เขาตะแบง เขาแม่เหล็ก เขากะลา เขาโยง และเขาลูกช้าง  ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์การใช้ที่ดินในเขตที่ดอนเขาโดดตอนกลาง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำไร่ เช่น ไร่อ้อย มันสำปะหลัง ไร่ข้าวฟ่าง เป็นต้น

 

3.4 เขตที่ราบภาคกลางตอนบน       ได้แก่ พื้นที่ราบตั้งแต่แนวเขตที่ดอนเขาโดดตอนกลางขึ้นไปทั้งหมดในเขตจังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และนครสวรรค์ วางตัวในแนวเหนือ – ใต้ ประกบข้างด้วยภูเขาสูงด้านตะวันออกและตะวันตก ที่ราบภาคกลางตอนบนเกิดจากอิทธิพลของแม่น้ำปิง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน รวมทั้งแควสาขาของแม่น้ำทั้ง 3 สายได้พาตะกอนมาทับถม โดยด้านล่างเป็นตะกอนหินกึ่งแข็งตัวยุคเทอร์เชียรี ซึ่งมีการสำรวจพบน้ำมันดิบที่ลานกระบือจังหวัดกำแพงเพชรส่วนด้านบนเป็นตะกอนน้ำพา ยุคควอเทอร์นารีเขตนี้มีการทำไร่และทำสวนในเขตที่ราบเชิงดอน ขณะที่บริเวณที่ราบและที่ลุ่ม มีการทำนา  ทั้งนาปรังและนาปี

 

3.5 เขตที่ราบภาคกลางตอนล่าง    เป็นที่ราบตั้งแต่พื้นที่บริเวณตอนเหนือของอำเภอเมืองอุทัยธานีลงมา จนถึงบริเวณชายฝั่งก้นอ่าวไทย

1) มีพื้นที่ดินเปรี้ยวจัดเป็นบริเวณกว้างขวาง จึงไม่เหมาะสมต่อการปลูกพืชเศรษฐกิจ

2) เป็นบริเวณที่เคยเป็นทะเลเก่า ได้แก่ พื้นที่บางส่วนของเขตจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการกรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี นครนายก พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี รวมทั้งจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทราของภาคตะวันออก

3) เป็นที่ตั้งของแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวารวัสดุหลักที่ใช้ในการก่อสร้างจะเป็นอิฐที่ทำมาจากดินเหนียว

 

 

 

 

 ภูมิลักษณ์ภาคตะวันออก

 

               

ภูมิประเทศภาคตะวันออก พิจารณาเป็นเขตภูมิลักษณ์ได้ดังนี้

 

4.1 เขตภูเขาสูง    เขตภูเขาสูง เช่นเทือกเขาบรรทัด เทือกเขาสันกำแพง

เขาสอยดาว เขาใหญ่ เป็นต้น

4.2 เขตที่สูง ที่ดอนและโคกโนน

4.3 เขตที่ราบ ที่ราบจะเป็นพื้นที่รับน้ำที่ถูกระบายมาจากภูเขาสูง ที่ตอนสูง

รวมทั้งรับตะกอนวัตถุต้นกำเนิดดินที่ถูกพัดพาเคลื่อนย้ายจากที่สูง ทำให้ดินในเขตที่ราบมีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับใช้เป็นแหล่งเกษตรกรรม และตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน เช่น ที่ราบฉนวนไทย ที่ราบลุ่มน้ำ – บางปะกง เป็นต้น

4.4 เขตชายฝั่ง ภาคตะวันออกมีพื้นที่ติดต่อกับทะเลบริเวณอ่าวไทยอยู่ทางด้านตะวันตกและด้านใต้ภูมิภาค ภูมิประเทศชายฝั่งของภาคตะวันออกมีทั้งชายฝั่งลาดชัน ราบเรียบและราบลุ่ม รวมทั้ง หาดทราย หาดโคลน หาดเลน และหาดหิน

4.5 เขตเกาะ คือ สภาพภูมิประเทศชายฝั่งทะเลที่มีเกาะหลายเกาะมารวมตัวกัน

 

 

จัดทำโดย

 

 นางสาวชุติกาญจน์  พลายจั่น เลขที่ 9

 

 นางสาวดวงหทัย  พานทอง  เลขที่ 12

 

 นางสาวธนภรณ์  ชนะพาล  เลขที่ 14

 

 นางสาวนพวรรณ  ล้อมวงษ์  เลขที่ 16

 

นาวสาวภัคภิชา  นาหิรันประดิษฐ์  เลขที่ 25

 

นางสาวรธีญา  สันติมาลัย  เลขที่ 29

 

นางสาวสรสิชา  แพรวงศ์นุกูล  เลขที่ 34

 

นักเรียนชั้นม. 5/9

โรงเรียนสงวนหญิง

กราบ.jpg
โดม.jpg
ลัดดาวัลย์.jpg
วันภาษาไทย.jpg
#.jpg
10534590_722126087859019_2217147327582876017_n.jpg
10471259_722124404525854_2896387055378733970_n.jpg
10417563_722125564525738_636972288602653719_n.jpg

© 2023 by Flyer Template. Proudly created with Wix.com

bottom of page